วิตามินเอ Vitamin A

วิตามินเอ-retinol-cothailand.comวิตามินเอ, Vitamin A คือ กลุ่มของไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัวมีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งครอบคลุมถึง retinol, retinal, retinoic acid, และ provitamin A อื่นๆ วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีผลต่อการเจริญเติบโต กระดูก และระบบสืบพันธุ์ และยังป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบขับปัสสาวะ ทำให้ผิวและเส้นผมที่มีสุขภาพดี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

วิตามินเอถูกค้นพบโดย ดร. อี.วี. แมคคอลลัม (E.V. McCollum) นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา

วิตามินเอ มี 2 กลุ่ม คือ

  1. เรตินอล (Retinol) เป็นกลุ่มที่อยู่รูปแบบของวิตามินอยู่ (Proformed Vitamin A) พบในเนื้อสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา หอยนางรม เนื้อวัว ไข่ นม
  2. แคโรทีน (Carotene) เป็นกลุ่มที่กำลังจะเป็นวิตามิน (Provitamin A) เมื่อรับเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ พบในผักสีต่างๆ เช่น แครอท ยอดกระถิน ผักโขม ฟักทอง แคนตาลูป มันฝรั่งหวาน ผักโขม

 

ประโยชน์ของวิตามินเอ

  • บำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน
  • ช่วยให้กระดูก ฟัน และเหงือกที่มีสุขภาพดี
  • สร้างความต้านทานต่อระบบทางเดินหายใจ
  • ช่วยในการสร้างภูมิทัศน์ที่ดีขึ้น และทำให้หายป่วยได้เร็วขึ้น
  • ช่วยในการบำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว และช่วยลบจุดดำบนผิว
  • บรรเทาโรคต่อมไทรอยด์

 

การใชวิตามินเอในทางการแพทย์

retin-a-cothailand.comมีการใช้วิตามินเอในรูปของ Retinyl palmitate ผสมในครีมบำรุงผิว ซึ่งจะแตกโครงสร้างเป็น retinol และจะเปลี่ยนไปเป็น Retinaldehyde ก่อนที่จะแตกตัวเป็น retinoic acid ซึ่งมีฤทธิ์ทางชีวภาพสามารถกระตุ้น Retinoid Receptors ในเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยเสริมกระบวนการผลัดตัวของเซลล์ ( Turnover) กระตุ้นการสร้างคอลาเจนและอีลาสติน ทำให้เซลล์ผิวทำงานเป็นปกติ ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาสิว บรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแสงแดด และสามารถกระตุ้นการสร้างคอลาเจนใต้ผิวหนังได้

Retinyl palmitate –> Retinol –> Retinaldehyde (Retinal) –> Retinoic acid (Retinoid)

ตัวอย่างยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของ Retinoic acid ได้แก่ Retin-A

 

แหล่งที่พบวิตามินเอ

วิตามินเอ-แครอท-cothailand.comผักและผลไม้ที่ให้วิตามินมากที่สุด คือ ผักผลไม่ที่มีสีเหลือง สีส้ม สีเขียว สีแดง เพราะมีเบต้าแคโรทีนที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอต่อไป วิตามินในผักและผลไม้มีความไวต่อออกซิเจน ดังนั้นวิธีการต้นผักที่ช่วยป้องกันการสูญเสียวิตามินได้ดีที่สุด คือ ต้มผักโดยปิดภาชนะและใส่น้ำเล็กน้อย

ปริมาณที่ร่างกายมนุษย์ต้องการวิตามินในแต่ละวันอยู่ที่ 4,000-5,000 IU

แหล่งอาหารที่พบวิตามินเอสูง ได้แก่

  • cod liver oil (30000 μg)
  • liver (turkey) (8058 μg)
  • liver (beef, pork, fish) (6500 μg 722%)
  • liver (chicken) (3296 μg)
  • dandelion greens (5588 IU 112%)[21]
  • carrot (835 μg 93%)
  • broccoli leaf (800 μg 89%) – According to USDA database broccoli florets have much less.[22]
  • sweet potato (709 μg 79%)
  • butter (684 μg 76%)
  • kale (681 μg 76%)
  • spinach (469 μg 52%)
  • pumpkin (400 μg 41%)
  • collard greens (333 μg 37%)
  • Cheddar cheese (265 μg 29%)
  • cantaloupe melon (169 μg 19%)
  • egg (140 μg 16%)
  • apricot (96 μg 11%)
  • papaya (55 μg 6%)
  • mango (38 μg 4%)
  • pea (38 μg 4%)broccoli (31 μg 3%)
  • milk (28 μg 3%)
  • tomatoes
  • Seaweed

 

ผลกระทบของการได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอ

  • โรคผิวหนัง เนื่องจากวิตามินเอเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาเยื่อบุของผิว การขาดวิตามินเอทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งหยาบกร้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อศอก ข้อเท้าและข้อต่ออื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคผิวหนัง เช่น สิว และการติดเชื้ออื่น ๆ
  • สายตาพร่ามัว เนื่องจากวิตามินเอมีหน้าที่ช่วยในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น เมื่อร่างกายขาดวิตามินเอจะทำให้มองเห็นในเวลากลางคืนหรือในที่มีแสงน้อยได้ยาก แผลที่กระจกตา เยื่อบุตาแห้ง ในกรณีที่รุนแรงสามารถทำให้ตาบอด
  • ความต้านทานโรคต่ำ วิตามินเป็นสิ่งสำคัญที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราทำงานตามปกติ การขาดวิตามินเออาจทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปาก คอ และะต่อมน้ำลาย

 

ผลกระทบของการได้รับวิตามินเอเกินความต้องการ

  • ลูกพิการหรือแท้งลูก หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวิตามินเอมากเกินความต้องการ มีความเสี่ยงให้ทารกในครรภ์คลอดมาพิการหรือแท้งลูกได้ เพราะวิตามินที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ซึ่งอาจทำให้เด็กมีความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ กระดูกผิดรูป หรือติ่งปูดออกที่บริเวณหู
  • อ่อนเพลีย ถ้าร่างกายได้รับวิตามินเอเกินครั้งละ 15,000 ไมโครกรัม จะมีผลทำให้อ่อนเพลีย ร่ายกายล้า และอาเจียนได้
  • ปวดกระดูกและข้อต่อ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ผมร่วง ท้องผูก ทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากผลระยะยาวของการกินวิตามินเอมากเกินไป
  • เกิดความผิดปกติของกระดูก โดยเกิดขึ้นในสัตว์กระเพาะเดี่ยว (เช่น มนุษย์) ที่ได้รับวิตามินเอเกิน 4-10 เท่าของความต้องการ และเกิดในสัตว์เคี้ยวเอื้องที่ได้รับวิตามินเอมากกว่า 30 เท่าของความต้องการ

 

คลิกที่นี่เพื่อรับส่วนลดจาก iHerb.com

คลิกที่นี่ สอนวิธีสั่ง iHerb

 

กลับหน้าแรก